มะเร็ง คืออะไร ?
มะเร็งคืออะไร
มะเร็ง (Cancer) หรือเนื้อร้าย (Malignant tumors) คือ กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่
เซลล์เนื้อร้ายพัฒนากลายเป็นก้
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
การเกิดโรคมะเร็งยังไม่
ปัจจัยการเกิดโรคมะเร็งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ปัจจัยภายนอก
ได้รับสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) ที่ทำให้เกิดการเปลี่
-
การได้รับรังสีที่เป็นพลังงานสู
ง สามารถกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดด -
การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัสเอชไอวี (HIV) ไวรัสเอชพีวี (HPV) ไวรัสตับอักเสบบีและซี (Hepatitis B & C Virus) สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้
-
การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น แบคทีเรีย Helicobacter pylori ที่สามารถทำให้เกิดมะเร็
งกระเพาะอาหาร -
การกินอาหารไขมันสูง อาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็
งลำไส้ใหญ่ มะเร็งโพรงมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร
-
ปัจจัยภายใน
-
ความผิดปกติทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยีนหรื
อโครโมโซม สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ -
ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีหน้าที่ป้องกันร่
างกายจากสิ่งแปลกปลอม หากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เซลล์มะเร็งอาจเจริญเติ บโตและแพร่กระจายได้โดยไม่ถู กทำลาย -
ภาวะทุพโภชนาการ ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด หรือได้รับอาหารที่ไม่ครบถ้วน เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และโฟเลต อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิ
ดโรคมะเร็งได้
วิธีการรักษาโรคมะเร็ง
-
การผ่าตัด
การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษามะเร็
-
รังสีรักษา (Radiotherapy)
การรักษาด้วยรังสีบำบัด หรือ การฉายแสง เป็นการรักษามะเร็งเฉพาะตำแหน่ง โดยใช้รังสีขนาดสูงตามตำแหน่งที่
-
เคมีบำบัด (Chemotherapy)
เป็นการรักษาด้วยสารเคมีที่มี
-
ยาฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy)
การใช้ยาฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy) มีกลไกการยับยั้
-
ยาต้านมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Cell Therapy)
เป็นการรักษาโรคมะเร็งแบบใช้
-
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
เป็นวิธีการรักษาโรคมะเร็
การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันที่
-
ไม่สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่นั้นสัมพันธ์กั
บโรคมะเร็งปอด มะเร็งปาก มะเร็งคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งไต การเลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่
ยงควันบุหรี่มือสองช่ วยลดความเสี่ยงของการเกิ ดโรคมะเร็งได้ -
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มี
สารอาหารที่มีประโยชน์ช่ วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
-
เพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี พืชตระกูลถั่ว และถั่วเปลือกแข็งในมื้ออาหาร
-
ลดการรับประทานน้ำตาลขัดสี ไขมันสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูปเพื่อคงน้ำหนั
กตัวตามเกณฑ์ -
การดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกิ
นไปเป็นผลร้ายต่อตับ การดื่มแอลกอฮอล์ (โดย เฉพาะหากคู่มากับการสูบบุหรี่) เป็นสาเหตุ หลักในการเกิดมะเร็งช่ องปากและลำคอ อีก ทั้งมีส่วนเกี่ยวพันกับมะเร็ งชนิดอื่นๆ ด้วย
3. หมั่นออกกำลังกายและรักษาน้ำหนั
4. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด รังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (ยูวี) ในแสงแดดเป็นสาเหตุหลั
5. เข้ารับการฉีดวัคซี
-
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) สามารถฉีดในเด็กชายและเด็กหญิ
งอายุ 11-12 ปี -
วัคซีนตับอักเสบบีนั้นแนะนำให้
ฉีดในผู้ที่มีคู่นอนหลายคนเนื่ องจากเสี่ยงต่อโรคทางเพศสัมพั นธ์ ชายรักชาย บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ ยงต่อการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ ป่วย เพราะไวรัสตับอักเสบบีนั้นเพิ่ มความเสี่ยงของมะเร็งตับ
6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
-
เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่เพี
ยงช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสั มพันธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญ ในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเ ร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้หญิ งไทยและผู้หญิงทั่วโลก เชื่อกันว่ ประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุมาจาก Human Papillomavirus (HPV) ที่สำคัญ เชื้อ HPV นี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งที่ทวารหนักและอวั ยวะเพศอีกด้วย -
พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างเพิ่
มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง -
การใช้เข็มร่วมกับผู้อื่นทำให้
เกิดความเสี่ยงที่จะติดโรคอื่น ๆ สูงขึ้น เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคไวรัสตับโรคอักเสบซี และโรคเอชไอวี ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิ ดโรคมะเร็งตับ -
การมีคู่นอนหลายคนเพิ่มความเสี่
ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพั นธ์ ซึ่งอาจนําไปสู่ความเสี่ ยงในการเกิดมะเร็ง การติดเชื้อ HPV ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลู กและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ งทวารหนัก มะเร็งลูกอัณฑะ มะเร็งคอ มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด ส่วนเชื้อเอชไอวีมีความสัมพันธ์ กับมะเร็งทวารหนัก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด จึงควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ งที่มีเพศสัมพันธ์เพื่ อความปลอดภัย
7. หมั่นตรวจร่างกายด้
หมั่นตรวจและสังเกตว่าร่างกายว่
8.นอนหลับให้สนิท
ผลการศึกษาพบว่าสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่สมองผลิตใน ระหว่าง การนอนหลับมีคุณสมบัติในการต่